Cryptocurrency ไม่สามารถแกะรอยได้จริงหรือ?
2021.08.13
Cryptocurrency ไม่สามารถแกะรอยได้จริงหรือ?
ในเดือนพฤษภาคม Colonial Pipeline ซึ่งเป็นระบบไปป์ไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ได้รับการโจมตีจากแรนซัมแวร์ ทำให้ต้องปิดโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่บริษัทจ่ายเงินให้แฮกเกอร์ 4.4 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin เอฟบีไอเพิ่งยึดค่าไถ่บางส่วนกลับมาได้ ทางการเอาชนะอาชญากรได้อย่างไร? Bitcoin ไม่สามารถแกะรอยได้จริงหรือ?
FBI กู้คืนค่าไถ่ได้อย่างไร?
หนึ่งเดือนหลังจากการแฮ็ก FBI ประกาศว่าได้ยึด 63.7 bitcoins จาก 75 bitcoins มูลค่าประมาณ 2.3 ล้านเหรียญ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้ติดตามธุรกรรม Bitcoin หลายรายการไปยังกระเป๋าเงิน bitcoin เฉพาะ ซึ่ง FBI มี “private key”
ในขณะที่ทุกคนสามารถใช้ public key ได้ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถส่งเงินผ่านบล็อคเชนได้ private key จะถูกเก็บไว้โดยเจ้าของกระเป๋าเงิน bitcoin สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถาม FBI ได้กุญแจมาได้อย่างไร?
Bitcoin ไม่สามารถติดตามได้จริงหรือ?
สกุลเงินดิจิทัลบางสกุลทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน โดยซ่อนรายละเอียดของผู้ส่งและผู้รับ และจำนวนเงินที่โอน อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่กรณีสำหรับ Bitcoin
ตรงกันข้ามกับความเชื่อจริงๆแล้ว Bitcoin สามารถติดตามได้และผู้ใช้สามารถย้อนดูประวัติการทำธุรกรรมของ specific online address บนบล็อคเชนได้ อย่างไรก็ตาม Bitcoin ยังคงให้ความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นการปกปิดตัวตนของเจ้าของกระเป๋าเงิน แต่ยังคงแกะรอยได้อย่างแน่นอน
จากเหตุการณ์ Colonial Pipeline นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้รับการเปิดเผย ในปี 2020 รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด Bitcoin มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ที่เชื่อมโยงกับ Silk Road ซึ่งเป็นตลาดผิดกฏหมายบนโลกออนไลน์ที่ถูกปิดไปเมื่อปี 2013
การแฮ็ก Colonial Pipeline ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์ชาวรัสเซียที่รู้จักกันในชื่อ DarkSide ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอาชญากรอาจไม่สนใจเรื่องปกปิดตัวตน เพราะพวกเขารู้ว่า FBI ไม่สามารถติดตามพวกเขาได้ในรัสเซีย อย่างไรก็ตาม การใช้สกุลเงินที่ตรวจสอบย้อนกลับได้อาจเป็นความผิดพลาด
สกุลเงินดิจิตอลและความเป็นส่วนตัว
อาชญากรอาจไม่สามารถซ่อนตัวอยู่หลัง Bitcoin ได้แต่ทว่า cryptocurrencies อื่น ๆ (ที่เรียกว่า privacy coins) ที่ให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้ใช้มากขึ้นเช่น Dash, Zcash และ Monero เป็นทางเลือกที่เพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยสามารถซ่อนรายละเอียดธุรกรรม ดังนั้นบุคคลที่สามจึงไม่สามารถดูข้อมูลผู้ใช้หรือติดตามการชำระเงินได้
เจ้าหน้าที่จากนานาประเทศได้แสดงความกังวลว่าอาชญากรได้ใช้ Bitcoin ในการดำเนินการ และควรถูกแบน อย่างไรก็ตาม การประเมินกล่าวว่ากิจกรรมที่ผิดกฎหมายเป็นเพียง 0.34% ของธุรกรรม cryptocurrency ทั้งหมด
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้สั่งห้ามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่เปิดเผยตัวตนแล้ว และบางประเทศกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน แต่เงินดิจิทัลอยู่เหนือขอบเขตและเขตอำนาจศาล และยิ่งมีการควบคุมมากเท่าไร ผู้คนก็จะหันมาใช้สกุลเงินดิจิทัลที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเท่านั้น
เรื่องราวของแรนซัมแวร์ Colonial Pipeline จะกระตุ้นให้บางคน โดยเฉพาะแฮกเกอร์และอาชญากร เลือกเหรียญความที่สามารถปกปิดตัวตนได้มากกว่า Bitcoin ชื่อเสียงของ Bitcoin เป็นตัวเลือกการชำระเงินที่ไม่สามารถตรวจสอบได้นั้นถูกทำลายลงไปแล้ว แต่ก็ยังต้องรอดูว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดสกุลเงินดิจิทัลในวงกว้างอย่างไร
ที่มา : Is cryptocurrency no longer untraceable? | NordVPN
บทความที่เกี่ยวข้อง
ข่าว
ความปลอดภัย
Oracle แจ้งลูกค้าหลังเกิดเหตุ Data Breach ทำให้ข้อมูลหลุดจากระบบ Cloud
Oracle แจ้งลูกค้าหลังเกิดเหตุ Data Breach ทำให้ข้อมูลหลุดจากระบบ Cloud
2025.04.10
ข่าว
ความปลอดภัย
มัลแวร์มือถือที่กำหนดเป้าหมายธนาคารในอินเดียทำให้ผู้ใช้กว่า 50,000 รายเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
การโจมตีอุปกรณ์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ นักวิจัยของ zLabs วิเคราะห์ตัวอย่างมัลแวร์เกือบ 900 ตัวอย่างและพบความพยายามร่วมกันในการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ Android มัลแวร์ซึ่งจัดอยู่ในประเภทโทรจันของธนาคาร ปลอมตัวเป็นแอปธนาคารหรือแอปของรัฐบาลที่ถูกกฎหมายและแพร่กระจายผ่าน WhatsApp ในรูปแบบไฟล์ APK เมื่อติดตั้งแล้ว มัลแวร์จะขอข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
2025.03.14
ข่าว
ความปลอดภัย
แฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือตั้งเป้านักพัฒนาอิสระเพื่อหลอกลวงการทำงานด้วยมัลแวร์
นักพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระเป็นเป้าหมายของแคมเปญต่อเนื่องที่ใช้การล่อใจที่เกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์งานเพื่อส่งมอบมัลแวร์ข้ามแพลตฟอร์มที่รู้จักกันในชื่อ BeaverTail และ InvisibleFerret กิจกรรมดังกล่าวซึ่งเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือมีชื่อรหัสว่า DeceptiveDevelopment ซึ่งทับซ้อนกับคลัสเตอร์ที่ติดตามภายใต้ชื่อContagious Interview (หรือCL-STA-0240 ), DEV#POPPER, Famous Chollima, PurpleBravo และ Tenacious Pungsan แคมเปญนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 เป็นอย่างน้อย บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ESET กล่าวในรายงานที่แบ่งปันกับ The Hacker News ว่า"DeceptiveDevelopment กำหนดเป้าหมายนักพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระผ่านการฟิชชิ่งแบบเจาะจงบนเว็บไซต์หางานและฟรีแลนซ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อขโมยกระเป๋าสตางค์สกุลเงินดิจิทัลและข้อมูลการเข้าสู่ระบบจากเบราว์เซอร์และตัวจัดการรหัสผ่าน"
2025.02.21