VPN คืออะไร และมันทำงานอย่างไร ? ตอนที่ 3

VPN ทำอะไรได้บ้าง ? VPN คืออะไรและทำงานอย่างไร แต่จะมีประโยชน์สำหรับอะไร โดยเฉพาะ?

1. ซ่อนกิจกรรมบนโลกออนไลน์ของคุณ

การใช้ VPN ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการสอดส่อง – ISP ทั้งหมดของคุณจะเห็นว่าคุณเชื่อมต่อกับ VPN ในบางกรณีพวกเขาจะไม่รู้ถึงขนาดนั้นด้วยซ้ำ

หากคุณอาจต้องการซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของคุณ ตัวอย่างที่สำคัญคือการใช้บิททอร์เรนต์ – การดาวน์โหลดเนื้อหาที่ผิดลิขสิทธิ์อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ผู้ใช้บิททอร์เรนต์จำนวนมากใช้ VPN เพื่อซ่อนที่อยู่ IP ของพวกเขา

คุณอาจเคยได้ยินว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณเป็นสินค้าที่ร้อนแรงที่สุดในปัจจุบัน เมื่อคุณมีข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับใครบางคน คุณสามารถสร้างแบบจำลองการคาดการณ์ที่แม่นยำได้ ตัวอย่างเช่น มันสมเหตุสมผลกว่ามาก

2. หลีกเลี่ยงการเซนเซอร์เนื้อหาของหน่วยงานรัฐ

คุณอาจสังเกตเห็นว่าบางครั้ง ISP ของคุณบล็อกบางเว็บไซต์หรือบริการออนไลน์ การปฏิบัตินี้แพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวด ด้วย VPN คุณกำลังเชื่อมต่อผ่านประเทศอื่นที่ไม่มีบล็อกดังกล่าว หมายความว่าคุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างอิสระทุกที่

อย่างประเทศอย่างจีนมีมาตรการขั้นสูง เช่น เครื่องมือวิเคราะห์ปริมาณการใช้ข้อมูลเพื่อพิจารณาว่าคุณกำลังใช้ VPN อยู่หรือไม่ ถึงกระนั้น ผู้ให้บริการ VPN หลายรายก็มีเครื่องมือป้องกันทราฟฟิกเพื่อแก้ไขปัญหา

3. เข้าถึงเนื้อหาจากสตรีมมิ่งรายเดือนได้เยอะขึ้น

คุณอาจเคยได้ยินมาว่าไลบรารีของ Netflix ไม่ได้ถูกสร้างให้เท่าเทียมกันทั้งหมด คุณจ่ายแพงกว่าสำหรับการสมัครสมาชิก Netflix ในสวิตเซอร์แลนด์ แต่ได้คลังภาพยนตร์และซีรีส์ทางทีวีที่มีขนาดเล็กกว่าผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา มันฟังดูไม่ถูกต้อง

ในการแก้ปัญหานี้ หลายคนใช้ VPN เพราะช่วยให้คุณรับชม Netflix ได้จากทุกที่ ราวกับว่าคุณอยู่ที่อื่น – เพียงแค่เลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN ในประเทศนั้น สิ่งนี้ทำให้คุณสามารถลบข้อจำกัดออกจากไลบรารีเนื้อหาของบริการที่คุณสมัครใช้งาน

เนื่องจากแพลตฟอร์มความบันเทิงจำนวนมากกำลังเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการสมัครรับข้อมูลโดยมีผู้ถือลิขสิทธิ์บุคคลที่สามให้สิทธิ์เนื้อหาตามภูมิภาค คาดว่าจะมีมากขึ้นในอนาคต

4. ช๊อปออนไลน์ได้ดีขึ้น

หนึ่งใน lifehacks ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือการซื้อตั๋วเครื่องบินและซื้อการจองโรงแรมในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ดีที่สุด แม้ว่า VPN จะไม่ทำสิ่งเดียวกัน แต่จะป้องกันไม่ให้คุณตกเป็นเหยื่อของการเลือกปฏิบัติด้านราคา – วิธีปฏิบัติในการคิดราคาที่แตกต่างกันสำหรับสินค้าหรือบริการเดียวกันขึ้นอยู่กับตำแหน่งของคุณ

ผู้ค้าปลีกหลายรายมีความผิดในการเลือกปฏิบัติด้านราคา และมีโอกาสที่ดีที่การซื้อครั้งต่อไปของคุณจะถูกกว่าหากคุณใช้ VPN นอกจากนี้ หากคุณอยู่ต่างประเทศและต้องการสั่งซื้อบางอย่างเมื่อคุณกลับถึงบ้าน VPN อาจเป็นวิธีเดียวในการเข้าถึงเวอร์ชันของหน้าเว็บท้องถิ่น

5. หลีกเลี่ยงการควบคุมปริมาณแบนด์วิดธ์ของ ISP

การควบคุมปริมาณแบนด์วิดท์เป็นวิธีการโดยเจตนาสำหรับ ISP เพื่อทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลง ISP ในหลายประเทศมีความผิดในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการรับส่งข้อมูลแบบ P2P การทอร์เรนต์ไฟล์ขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสูงอาจทำได้ยากบนโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต และการควบคุมปริมาณเป็นวิธีการแก้ปัญหา

การใช้ VPN คุณสามารถซ่อนการรับส่งข้อมูล ทำให้ยากต่อการระบุตัวคุณและกำหนดขีดจำกัดความเร็วในการดาวน์โหลด นี่เป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากซึ่ง VPN สามารถเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณได้จริง

6. ให้คุณห่างจากแฮกเกอร์มากขึ้น

VPN อาจไม่ใช่เครื่องมือแรกที่คุณนึกถึงเมื่อคุณนึกถึงความปลอดภัย แต่ในบางสถานการณ์ การใช้ VPN สามารถช่วยคุณจากแฮกเกอร์ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ wifi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราใช้ในร้านกาแฟหรือสนามบิน ในการตั้งค่าเหล่านี้ แฮ็กเกอร์เจ้าเล่ห์สามารถตั้งค่าตัวเองระหว่างคุณกับเราเตอร์ สกัดกั้นการรับส่งข้อมูลของคุณในสิ่งที่เรียกว่าการโจมตีแบบ man-in-the-middle VPN หยุดสถานการณ์ดังกล่าวได้เพียงเพราะการรับส่งข้อมูลที่ถูกดักจับจะถูกเข้ารหัสและไร้ประโยชน์

ที่อยู่ IP ของคุณอาจมีประโยชน์สำหรับแฮกเกอร์ในด้านต่างๆ ประการหนึ่ง มันสามารถเปิดเผยตำแหน่งของคุณ ซึ่งอาจพาใครบางคนไปไกลถึง doxxing หรือ DDoSing คุณ และยังช่วยให้แฮ็กเกอร์เริ่มสแกนพอร์ตที่เปิดอยู่ของเราเตอร์เพื่อตรวจสอบว่ามีช่องโหว่ที่สามารถหาช่องโหว่ได้หรือไม่

ประเด็นสำคัญคือ: คุณไม่ต้องการให้ IP ของคุณตกอยู่ในมือคนผิด แต่เมื่อทำการ seed ไฟล์ทอร์เรนต์หรือเข้าร่วมกระดานข้อความ Discord IP ของคุณก็ถูกเปิดเผยอย่างแท้จริง VPN ให้ที่อยู่ IP แบบใช้แล้วทิ้งเมื่อคุณเชื่อมต่อ ช่วยให้คุณประหยัดจากสถานการณ์ดังกล่าวทั้งหมด

ที่มา : What is a VPN: The Ultimate Guide for 2021 | CyberNews