Work from Anywhere ปลอดภัยด้วย Wizberry Unified Endpoint Management
2023.01.13
Work from Anywhere ปลอดภัยด้วย Wizberry Unified Endpoint Management
Work from Anywhere ปลอดภัยด้วย Wizberry Unified Endpoint Management
Wizberry เป็นโซลูชั่นที่เข้ามาช่วยตอบโจทย์ Work from Anywhere สำหรับองค์กรหลายๆที่ ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ขององค์กรได้อย่างปลอดภัยได้จากที่บ้านและพนักงานสามารถเข้าถึงเครือข่ายภายในองค์กร ด้วย Virtual Private Network (VPN) ผ่าน Wizberry เป็นต้น
Wizberry Laptop Management
จากสถานการณ์ปัจจุบันหลายๆ องค์กรจึงต้องออกนโยบาย Work from Home หรือ Work Fom Anywhere ให้กับพนักงานเพราะฉะนั้นทาง Wizberry จึงได้เสนอโซลูชั่นที่จะเข้ามาตอบโจทย์กับสถานณ์การปัจจุบันด้วย 4 ฟีเจอร์ ของ Wizberry Laptop Management
โซลูชั่นที่ 1 ของ Wizberry Laptop Management – การจัดการรายการทรัพย์สิน
1.) การจัดการรายการทรัพย์สิน (Hardware Inventory)
เนื่องจาก Wizberry เป็นโซลูชั่นที่จัดการอุปกรณ์ผ่านระบบศูนย์กลางซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบข้อมูลของอุปกรณ์ได้ว่าใครใช้งานอุปกรณ์ตัวไหนอยู่ และยังสามารถตรวจสอบได้ว่าสถานะการใช้งานของแต่ล่ะเครื่องเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น รุ่นของเครื่อง ยี่ห้อหรือแม้กระทั่งแบตเตอรี่ ซึ่งยังสามารถเอ็กซ์พอร์ตรายงานของ Asset Management มาใช้งานได้ง่ายอีกด้วย และนอกจากนี้ยังตรจสอบสถานะความปลอดภัยของอุปกรณ์ได้ เช่น ตัวป้องกันไวรัสที่ใช้งาน (Antivirus) ไฟร์วอลล์ส่วนตัว (Personal Firewall) และการเข้ารหัสข้อมูล (Data Encryption) เป็นต้น
โซลูชั่นที่ 2 ของ Wizberry Laptop Management – แอ็คชั่นต่างๆที่ส่งไปที่อุปกรณ์
2.) แอ็คชั่นต่างๆที่ส่งไปที่อุปกรณ์ (Actions sent to devices)
Wizberry สามารถส่งคำสั่งต่างๆไปที่อุปกรณ์ได้หลากหลายคำสั่งดังนี้
ส่งแพ็ทช์ที่อัพเดตล่าสุดของระบบปฏิบัติการบนเครื่องไปที่อุปกรณ์ (Deploy Windows OS patches)
ติดตั้งซอฟต์แวร์จากศูนย์กลาง (Distribute software)
ส่งข้อความไปที่อุปกรณ์ (Send a message to the device)
ล็อคหน้าจอ (Lock the device)
ลบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ (Wipe the hard drive)
ตรวจสอบตำแหน่งอุปกรณ์ (Locate the device)
ปิดหรือเริ่มต้นการใช้งานใหม่ของอุปกรณ์ (Shut down/reboot the device)
โซลูชั่นที่ 3 ของ Wizberry Laptop Management – กำหนดนโยบายของอุปกรณ์
3.) กำหนดนโยบายของอุปกรณ์ (Device Policy)
เนื่องจากเป็นการเข้าถึงข้อมูลขององค์กรจากภายนอก ทางองค์กรจำเป็นจะต้องมีการกำหนดนโยบายและจำกัดการใช้งานต่างๆของอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและป้องการการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่ง Wizberry สามารถเข้ามาช่วยในการกำหนดนโยบายต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น การบังคับให้ตั้งค่ารหัสผ่านของอุปกรณ์ การป้องกันการคัดลอกไฟล์ผ่านอุปกรณ์อื่นๆเช่น USB drive การบังคับให้อุปกรณ์ให้เปิดฟังก์ชั่นการเข้ารหัสของข้อมูล เป็นต้น ซึ่งทางผู้ดูแลระบบสามารถจัดการนโยบายของอุปกรณ์เป็นกลุ่มหรือแผนกได้ ตามความเหมาะสมของการใช้งาน
โซลูชั่นที่ 4 ของ Wizberry Laptop Management – ท่องเน็ตอย่างปลอดภัยไร้กังวล
4.) ท่องเน็ตอย่างปลอดภัยไร้กังวล (Secure Web Browsing)
การเข้าใช้งาน Web Browser เป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับการทำงาน ซึ่งแน่นอนว่าในการเข้าไปใช้งาน Web Browser ทั่วไปก็มีความสุ่มเสี่ยงที่ข้อมูลของเราอาจจะรั่วไหลได้ ทาง Wizberry ได้มีการนำ Secure Browser เข้ามาช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานท่องเว็บต่างๆ เนื่องจาก Secure Browser ของ Wizberry ได้มีการออกแบบมาเพื่อให้ความความปลอดภัยและมีการเข้ารหัสทำให้ยากต่อการล้วงข้อมูล นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ เช่น การกำจัดการเข้าใช้งานเว็บไซต์ (Web Filtering) การใช้งาน Web Intranet ขององค์กร เป็นต้น
โซลูชั่นที่ 5 ของ Wizberry Laptop Management – ป้องกันการรั่วไหลข้อมูลขององค์กร (WIP)
5.) ป้องกันการรั่วไหลข้อมูลขององค์กร (Windows Information Protection)
WIP เป็นระบบ MAM (การจัดการแอปพลิเคชันมือถือ) สำหรับ Windows 10 เครื่องมือที่มีประโยชน์นี้ช่วยให้คุณสามารถจัดการการบังคับใช้นโยบายข้อมูลทุกด้านสำหรับทั้งแอปพลิเคชันและเอกสาร ทั้งนี้ WIP ยังช่วยให้คุณสามารถลบการเข้าถึงข้อมูล บริษัท ของคุณจากทั้งอุปกรณ์ทางธุรกิจและอุปกรณ์ส่วนตัวของคุณทำให้สภาพแวดล้อมมีความปลอดภัยมากขึ้น บริการนี้ช่วยให้พนักงานสามารถสร้างเนื้อหาโดยใช้อุปกรณ์ของ บริษัท ที่มีการป้องกันและสามารถเลือกที่จะบันทึกเป็นเอกสารที่ใช้งานได้
หากเลือกตัวเลือกนี้ WIP จะเข้ารหัสและจัดเก็บข้อมูลในเครื่องโดยอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ดูแลระบบของ บริษัท สามารถเข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย ผู้ดูแลระบบของ บริษัท สามารถกำหนดค่าการเข้าถึงแอปพลิเคชันและข้อ จำกัด อื่น ๆ ในแบบของคุณและยังเก็บบันทึกการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับระบบ
โซลูชั่นที่ 6 ของ Wizberry Laptop Management – สร้าง Policy ป้องกันการใช้อุปกรณ์ของบริษัทไปในทางที่ผิดกฎหมาย
6.) สร้าง Policy ป้องกันการใช้อุปกรณ์ของบริษัทไปในทางที่ผิดกฎหมาย
สร้าง Policy ป้องกันการใช้อุปกรณ์ของบริษัทไปในทางที่ผิดกฎหมายและผิดต่อ พรบ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถทำให้เป็นเหตุให้เกิดการตรวจสอบข้อมูลภายในขององค์กรจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เช่น การใช้อุปกรณ์ในการทำอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ และการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนบุคคล และโพสต์ภาพและข้อความ ต่างๆ ที่ผิดกฏหมายได้
การจัดการอุปกรณ์ Mobile และ Tablet
ด้วยความที่การดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องมีความรวดเร็ว และจำเป็นที่จะต้องสามารถตอบสนองต่อการดำเนินการต่างๆได้จากทุกที่ ซึ่งแน่นอนว่าในหลายๆ องค์กรก็จะมีการนำอุปกรณ์ Smartphone และ Tablet เข้ามามีส่วนในการเข้าถึงทรัพยากรขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นระบบงานต่างๆหรือการติดต่อสื่อสารผ่านทางอีเมล์และระบบข้อความต่างๆ ซึ่ง Wizberry จะมีส่วนเข้ามาช่วยในการจัดการบริหารไม่ว่าตะเป็นเรื่องของการจัดการบริหารทรัพย์สิน และเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนอุปกรณ์พกพาเหล่านั่นได้ ซึ่งถ้าหากข้อมูลขององค์กรรั่วไหลออกไปจากสถานะการเช่นพนักงานลาออกหรือพนักงานทำเครื่องหาย อาจจะก่อผลกระทบใหญ่หลวงต่อองค์กรของเรา
Wizberry Unified Endpoint Management – ใช้ฟรี 30 วัน
สามารถทดลองใช้งาน Wizberry Unified Endpoint Management ฟรี 30 วัน ได้ที่
https://m3.maas360.com/tryMDM/SK_A2NETWRK03_MDM_C
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการทดลองใช้งานฟรี
ติดต่อ
คุณณัฐพล โทร 097-9194283
คุณมารุต โทร 084-3616079
E-mail : wizberry@a2network.jp
บทความที่เกี่ยวข้อง
ข่าว
ความปลอดภัย
มัลแวร์ Octo2 ตัวใหม่คุกคามความปลอดภัยของธนาคารบนมือถือ
นักวิจัย ThreatFabric พบว่าตัวแปรนี้ลดเวลาแฝงได้อย่างมากระหว่างเซสชันการควบคุมระยะไกล แม้ภายใต้สภาวะเครือข่ายที่ไม่ดีก็ตาม ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งข้อมูล นอกจากนี้ Octo2 ยังบูรณาการเทคนิคการบดบังขั้นสูง รวมถึงอัลกอริทึมการสร้างโดเมน (DGA) ซึ่งทำให้มัลแวร์สามารถเปลี่ยนที่อยู่เซิร์ฟเวอร์คำสั่งและการควบคุม (C2) แบบไดนามิก ทำให้การตรวจจับมีความท้าทายยิ่งขึ้น
2024.09.27
ข่าว
บริการใหม่
โปรโมชั่น
สรุปข่าวลือ iPhone 16 Series มีอะไรใหม่บ้าง มีจำหน่ายแล้ววันนี้ !
2024.09.24
ข่าว
ความปลอดภัย
ตำรวจสิงคโปร์จับกุมแฮกเกอร์ 6 รายที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ระดับโลก
ชายทั้ง 6 คน อายุระหว่าง 32-42 ปี ถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ "กลุ่มอาชญากรระดับโลก" ที่ก่ออาชญากรรมไซเบอร์ จากปฏิบัติการดังกล่าว ทางการได้ยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเงินสดได้ นอกจากนี้ ชายสัญชาติสิงคโปร์ยังถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการเข้าถึงเว็บไซต์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดที่ต้องรับโทษปรับไม่เกิน 5,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (3,830 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้กระทำผิดครั้งแรก
2024.09.12